วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ກັບໄປສູ່ຈຸດເລີມຕົ້ນ



เคยไหม...ที่คุณก้าวเดินไปข้างหน้า
แต่รู้สึกว่ามันเป็นการถอยหลังกลับ

เคยไหม...ที่ท้องฟ้าในโลกส่วนตัวของคุณ
กลับเปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นเมฆครึ้มสีเทาหม่น
โดยไม่มีเค้าลางแห่งพายุร้าย

ทุกอย่างพัดพาคุณกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
หรือไกลกว่านั้น...เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหยดน้ำตา
เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงสะอื้นไห้
ความทุกข์เข้ามาทดแทน
วันเวลาแห่งความสุขของคุณจนหมดสิ้น

ความคาดหวังคือปัจจัยหลักของความทุกข์
ความฝันบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
ชีวิตคนเรามีปัญหา เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลาที่หมุนไป

ทุกๆ วันเหมือนกับต้องตื่นขึ้นมา
เพื่อเดินเข้าไปในสมรภูมิรบ ฟาดฟันกับปัญหา
หากคุณชนะคุณก็จะเดินจากมา พร้อมความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง
หากคุณแพ้คุณก็อาจล้มจมอยู่กับที่

แล้วจะมีใครสักกี่คนบนโลกใบนี้
ที่จะคอยยื่นมือให้ความช่วยเหลือเมื่อเราเจ็บปวด
เอาเข้าจริงในโลกใบนี้...เราจะมีใคร?
ใครที่เป็นของเราจริงๆ เกิดมาเพื่อเราจริงๆ

บทเรียนของการเดินถอยหลัง
ทำให้รู้ว่าความคาดหวัง มักมาพร้อมกับความผิดหวังเสมอ
เราคาดหวังว่าจะมีใครมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก
คอยประคับประคองอยู่เคียงข้าง...คอยรับเมื่อเราล้ม
แล้วตั้งความหวังว่าเขาจะยืนอยู่เคียงข้างเราไปจนวันตาย
มีลมหายใจของกันและกันอย่างอบอุ่น

แต่ในโลกของความเป็นจริงก็คือ...เราต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้
หายใจด้วยตัวเองให้ได้...ลุกด้วยตัวเองให้ได้
อ้อมแขนและลมหายใจของคนอื่น
เป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้เราเต็มพร้อมสมบูรณ์

เราจำเป็นต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้ แม้ไม่มีส่วนประกอบนั้นก็ตาม
ฉันได้เรียนรู้ว่า...ความฝันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง
เพื่อลดความเจ็บปวดในชีวิต

เช่นเดียวกับความรัก
สิ่งที่เรามอบไปอย่างทุ่มเท...โดยไม่เคยคิดถึงความผิดหวังที่จะ ตามมา
มักทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน

ความรัก...เปลี่ยนแปลงได้
รอยเท้าของเราเหยียบย่ำไปท่ามกลางความสับสน
บางครั้งเข็มนาฬิกาก็เดินเร็วขึ้น...บางครั้งกลับเดินช้าลง
ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่วาดหวังไว้เสียที
เพราะเราควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้

ความคิดของเขา...อาจทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน
แต่เราก็ยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่...เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวด นั้น
ดังนั้นเมื่อมีน้ำตาและตัดสินใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลง อย่าหันกลับไปทางเดิม
เพราะเรากำลังจะเดินจากมันมา...อาจไม่ใช่เขาหรือเราเป็นคนไม่ดี

แต่ในบางเรื่อง...ก็อาจมีเหตุผลมากกว่าหนึ่งอย่าง
อย่าพูดว่าเราทำเพื่อเขา...แต่กลับเอาตัวของเราเป็นที่ตั้ง
เพราะนั่นไม่ใช่รักที่แท้จริง

ถ้าบนทางเดินที่ผ่านมาเราก้าวเร็วเกินไป
มองย้อนกลับไปดูตัวเองใหม่...แล้วหัดเดินให้ช้าลง

ນິທານຣັກ

https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj1AKeJ0j8b8jME7XpN-dTMmJr_nvriSGh_y9cC2Pyzximb8RhdYz3z-rpMG9nxHeKuc92VN2UBWJqII2TZqt-mzX9i0gPr1l5z0IHF8Iavi5qsyeIUxGO9LoYvbUXQDfdLj7zCEq9PCdY/s768/147_1.jpg


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเรื่องเล่าระหว่างสาวสวยและหนุ่มรูปงามผู้ซึ่งรักกันอย่างดูดดื่ม...
ทั้งสองได้สาบานว่าแม้ความตายก็มิอาจจะพรากรักอันแสนจะมั่นคงนี้ลงได้
และในครั้งนั้นยังมีแม่มดตนหนึ่งผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะแน่นอนเท่าความไม่แน่นอน
แม่มดไม่เชื่อว่าความรักของทั้งสองจะมั่นคงจึงคิดหาทางพิสูจน์ขึ้นมา นางกล่าวว่า
หากพวกเจ้ามั่นใจในรักของอีกฝ่าย ซึ่งยั่งยืนแม้ว่าความตายจะพราก
ดังนั้นข้าก็อยากจะลองดูว่ามันจะเป็นอย่างไร...ข้าขอสาปให้นับแต่นี้เป็นต้นไป
ไม่ว่าจะเกิดใหม่อีกสักกี่ชาติ บุรุษนี้จะไม่มีทางจำเจ้าได้
เขาจะไม่สามารถจำได้ว่าเคยรักเจ้า และตรงกันข้ามกับเจ้า
เจ้าจะเป็นคนที่จำทุกอย่างได้ เพราะเจ้าจะยังคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป
ไม่แก่ไม่เฒ่า ไม่มีวันตาย จะอยู่อย่างนี้นิรันดร์...เจ้าจะจำเวลาที่เคยรักเขา
เคยเป็นที่รักและต้องเฝ้ารอการกลับมาของเขาในชาติแล้วชาติเล่าตลอดกาล...

"วันใดก็ตามที่เจ้าทำให้เขารู้ตัวว่ารักเจ้าทำให้เขาจำเจ้าได้
วันนั้น...คือวันที่ความเป็นนิรันดร์ของเจ้าสิ้นสุดลง...เจ้าจะแก่และตายตามสภาพ
ของอายุขัยที่ควรเป็น...และคราวนี้ก็จะเป็นทีของเจ้าหนุ่มนั่นแทน...เขาจะต้องเป็นคนที่ค้นหาเจ้าบ้าง..."
หลังจากนั้นมาปีแล้วปีเล่าเวลาผ่านไปศตวรรษทบศตวรรษที่หญิงสาวเฝ้าตามหาชายหนุ่มคนรัก

และทุกครั้งที่เธอได้พบเขาในสภาพของใครคนหนึ่ง
ที่ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย...เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เขาจำเธอได้


แต่มันไม่เคยสำเร็จชาติแล้วชาติเล่า...หลังจากการเกิดและดับของเขาผ่านไปนับสิบครั้ง
เขาก็ยังไม่อาจระลึกได้ถึงความรักของเธอ...ความทุกข์ทรมานของหญิงสาว
ถูกเฝ้าดูอย่างเย้ยเยาะโดยนางแม่มดผู้รอคอยเวลาที่หญิงสาวจะยอมรับว่า...
รักแท้ที่แม้ความตายก็ไม่อาจพรากไม่มีจริง แล้วนางแม่มดก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า
ในช่วงหลังๆ มาหญิงสาวไม่ได้พยายามที่จะทำให้ชายหนุ่มระลึกถึงตน
ไม่พยายามให้ชายหนุ่มรักตนแต่กลับทำทุกอย่างที่คิดว่าจะทำให้เขามีความสุข


และทำให้เขาเกิดรอยยิ้มแทน...แล้ววันหนึ่งนางแม่มดก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว
จึงปรากฏตัวเพื่อเอ่ยถามกับตัวหญิงสาวเอง...

"...เจ้าได้ละทิ้งความพยายามของเจ้าเสียแล้วล่ะหรือ...ความพยายามที่จะพิสูจน์
ให้ข้าเห็นอำนาจและพลังของรักแท้ที่เหนือกว่าอำนาจใดๆ แม้กระทั่งคำสาปของข้า..."

"จริงๆ แล้ว ข้าก็มีเหตุผลของข้า"

หญิงสาวตอบนางแม่มดกลับไป

"...ข้าไม่ได้ละทิ้งความพยายาม...เพียงแต่...
ข้ากลัวว่าความพยายามของข้าจะสัมฤทธิ์ผล...แล้ว"
"แล้วเจ้าก็ต้องแก่และตาย"
นางแม่มดต่อให้ด้วยเสียงเย้ยหยัน

" ที่แท้เจ้าก็กลัวที่จะตาย เจ้ากลัวจะสูญเสียความเป็นอมตะของเจ้า...
เฮอะ นี่หรือรักแท้ของเจ้า"
หญิงสาวไม่ปฏิเสธ นางเผชิญหน้ากับนางแม่มดและรับคำกล่าวหานั้น

"อาจใช่...มันเป็นความจริงที่ข้ากลัวว่าหากข้าทำให้เขาจำข้าและรักข้าได้ข้าจะต้องตายจากเขาไป"
"และเจ้าก็ไม่เชื่อใจว่าเขาจะทำให้เจ้าจำได้เช่นนั้นหรือ?"

หญิงสาวจ้องหน้าแม่มดนิ่งอยู่ ก่อนตอบ


สิ่งที่ข้าเกรงไม่ใช่เรื่องนั้น...ท่านรู้อะไรไหม...
ตลอดเวลาอันยาวนานที่ข้าเฝ้าเดินทางตามหาเขาเฝ้ารอคอยวันแล้ววันเล่า
รอวันที่เขาจะกลับมาหาข้าอีกครั้ง...ตลอดเวลาที่ข้าเฝ้ามองการเกิดและการตายของเขา
มันคือความทรมานอันยาวนานที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด...
และสำหรับข้าความทุกข์อันแสนสาหัสคือ การได้เห็นความทรมานของผู้เป็นที่รัก
โดยที่เราไม่อาจเอื้อมมือเข้าไปช่วยเหลือได้...
หลายครั้งที่ข้าอยากให้ตัวข้าเห็นแก่ตัวพอที่จะพยายามทำให้เขารักทำให้เขาระลึกถึงข้าได้อีกครั้ง
เพื่อที่ข้าจะได้เป็นอิสระต่อการพันธนาการนี้...แต่ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงมัน
ความทุกข์ทรมานที่ข้าได้รับเนื่องจากการรอคอยที่ไม่มีวันจบสิ้นก็ทำให้ข้าคิดได้

...ข้าไม่อาจให้เขาต้องแบกรับความรู้สึกทรมานเช่นที่ข้าได้รู้สึก...
ความรักของข้าอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจพยายามให้เขาจำข้าได้ต่อไป
และจากนี้ต่อไป แม้ว่าข้าจะต้องรอคอยไปชั่วนิรันดร์ สิ่งเดียวที่ข้าจะทำคือ
ข้าจะทำให้เวลาของเขามีแต่ความสุขเท่าที่พลังของข้าจะทำได้
ข้าอาจไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาก็จริง
แต่ข้าก็ยังอยากเห็นรอยยิ้มของเขา...ข้าอาจเป็นคนอ่อนแอในสายตาของท่านอย่างไรก็ตาม
นี่ก็คือความรักของข้า
คือสิ่งที่ข้าเป็น...แม้ชีวิตของข้าจะต้องเดียวดายตลอดกาลแต่ข้าก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่า
คนที่ข้ารักจะไม่มีวันเดียวดายเช่นตัวข้า...เพราะเขาจะมีข้าข้างกายเขาชั่วนิรันดร์ "........................

นิทานเรื่องนี้ไม่มีตอนจบเพราะอยากให้คนที่อ่านจินตนาการถึงตอนจบเอาเอง

ในชีวิตของเรามีหลายช่วงต่อหลายช่วงที่เราคิดว่าเรารักใครสักคนมากมายเหลือเกิน
และหลายต่อหลายครั้งที่ความรักของเราก็ต้องการความรักตอบกลับมา
หลายคนฟูมฟายกับโชคชะตาว่ารักที่ไม่ได้รักตอบคือการสูญเวลาเปล่า...

แต่มีหลายต่อหลายคน...ที่ดีใจกับโชคชะตาที่เกิดมาสักครั้ง
แต่ยังได้รักใครสักคนอย่างเต็มหัวใจ...

ทุกอย่างในชีวิตมีทางเลือก...ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกทางไหน...หรือ
คุณจะเลือกหรือไม่?คุณจะเลือกทางไหน

...เปิดประตูรับความรักเข้ามาเพื่อเติมความอบอุ่นให้กับหัวใจแม้เพียงช่วงหนึ่งของชีวิต...
หรือจะมัวแต่ฟูมฟายโทษตัวเองกับความรักที่ให้ไปแต่ไม่ได้รักตอบ...??
...ทางเลือกเป็นของคุณ...
ความรักของเรา
มันคงเริ่มเก่าไปแล้วใช่ไหม
เธอจึงแอบไปมีใครต่อใคร
ทำฉันเจ็บช้ำใจเรื่อยมา
เมื่อไหร่เธอจะพอ
ฉันเฝ้ารอจนกลายเป็นคนไร้ค่า
ไม่อยากโง่งี่เง่าในสายตา
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
จะเลิกก็ยังรัก
อยากหยุดพักแล้วผลักไส
ก็ยังหวงยังห่วงใย
ตัดใจไม่ได้สักที
จบกันทั้งที่ยังรัก
ดีกว่ารอให้ถึงจุดแตกหักยิ่งกว่านี้
ไม่อยากลบภาพวันเก่า...ระหว่างเราที่เคยมี
ไม่อยากทำลายความรู้สึกดีๆ ที่สองเรานี้มีต่อกัน
อยากรักเธอต่อไป
แม้รักแท้ของเธอจะไม่ใช่....ฉัน
ไม่อยากเกลียดคนเคยรักกัน
ทางเดียวเท่านั้น"หยุดความสัมพันธ์สองเรา"

ກຸລາບແດງ

http://www.dollsthailand.com/images/007_12_roses_2500_baht.jpg

ชาย คนหนึ่งหยุดรถที่ร้านขายกระเช้าดอกไม้ เตรียมจะสั่งกระเช้าดอกไม้ทางโทรศัพท์ เพื่อให้ทางร้านโทรศัพท์ติดต่อร้านดอกไม้อีกเมืองหนึ่ง ให้ส่งดอกไม้ไปอวยพรวันเกิดแก่แม่ของเขา ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสี่ร้อยกิโลเมตร เมื่อเขาลงจากรถยนต์ เขาเห็นเด็กผู้หญิงอายุราว 5 ปี นั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าร้าน จึงเข้าไปถาม “ร้องไห้ทำไมจ้ะ มีอะไรให้ช่วยไหม”
เด็กหญิงตอบทั้งน้ำตาว่า “หนูอยากซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้แม่ ดอกกุหลาบราคาดอกละห้าบาท แต่หนูมีเงินแค่บาทเดียวเท่านั้นเอง”
ชายคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงจะซื้อให้หนูเอง”
แล้วเขาก็จ่ายเงินห้าสิบบาท ซื้อกุหลาบสีแดงจำนวนสิบดอกให้แก่หนูน้อย แล้วถามว่า
“แล้วตอนนี้แม่ของหนูอยู่ที่ไหน หนูจะพาลุงไปหาแม่ของหนูด้วยได้ไหมล่ะ”
หนูน้อยตอบตกลง บอกว่าแม่ของหนูอยู่ใกล้ร้านขายดอกไม้นิดเดียวเอง เดินไปเดี๋ยวเดียวก็ถึง
เด็ก หญิงพาชายใจดี ผู้มีน้ำใจไมตรีออกจากร้าน เดินผ่านเข้าไปในวัดที่อยู่ใกล้ร้าน เข้าถึงศาลา ซึ่งมีศพที่เพิ่งจะเสียชีวิตมาไม่กี่วันตั้งอยู่ หนูน้อยหยิบดอกกุหลาบสีแดงช่อนั้นเข้าไปกราบหน้าศพ ซึ่งมีรูปผู้หญิงยังสาวตั้งอยู่ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
ชายใจดีเดิน กลับมายังร้านดอกไม้แห่งเดิม ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เขาบอกยกเลิกการสั่งดอกไม้ทางโทรศัพท์ที่เตรียมส่งไปให้แม่ แต่ซื้อกุหลาบช่อใหญ่ แล้วขับรถใช้เวลาห้าชั่วโมง ตรงไปหาแม่ของเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปสี่ร้อยกิโลเมตรในคืนวันนั้นเอง……
ความหมายของวันวาเลนไทน์….
คงไม่ใช่เพียงแค่การมอบดอกไม้แก่กันหรือซื้อช็อกโกแลตให้เท่านั้น
แต่ความหมายอยู่ที่ตัวคุณเอง
คุณได้เอาใจใส่… คุณได้คอยดูแล…. คุณได้คอยทนุถนอม… คุณได้รดน้ำ… คุณได้พรวนดิน…
คุณได้ใส่ปุ๋ย…ให้กับต้นรักของคุณ… เพียงพอหรือไม่…
และความรักควรออกมาจากข้างใน…ในใจของคุณ
คุณสามารถทำให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันแห่งความรักได้
ความรักที่แท้จริง… อยู่ไม่ไกล… อยู่ในใจคุณ … อยู่ข้าง ๆ กายคุณ
เป็นคนที่รักคุณ… รักคุณมากที่สุด… คือรักจาก …พ่อ.. และแม่…ของคุณเอง..

ຄວາມຣັກແມ່ນຫັຍງ..?







เรื่องที่ทุกคน . . . อยากจะได้คำตอบตายตัว
เพียงแต่ว่า . . . ไม่เคยมีใครหาคำตอบที่ชัดเจนได้เลยสักคน
เพราะ . . . ความรักมีหลายรูปแบบ
ที่ของแต่ละคน . . . ก็ไม่เหมือนกัน

ความรักที่เจ็บปวด คือ ความรักที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ
เมื่อเรารักใครสักคนแล้ว . . .
ย่อมอยากจะเป็นเจ้าของความรัก กันทุกคน

แต่จะมีสักกี่คน . . . ที่จะได้ครอบครองมันไว้ได้
เพราะความรัก . . . เหมือนกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ
ไม่มีอะไรแน่นอน . . . เอาอะไรจากมันไม่ได้เลย

แต่สิ่งที่มันให้เรา คือ ความเจ็บปวดปนความหวาน
ยิ่งคุณอยากจะลิ้มลอง . . . ความหอมหวานของมันเท่าไหร่
คุณก็จะยิ่งถลำลึก ไปกับความเจ็บปวดนั่น
. . . จนอาจจะยากที่จะถอนตัวออกมาได้

บางครั้ง. . . ความหวานก็หมดไป
. . . ก่อนที่จะลึกมากนัก แต่ก็เจ็บมากมายเช่นกัน
แต่. . . ก็ยังมีอีกหลายคน ที่พร้อมจะลองดู
บางคน. . . แสวงหาความรักมากมาย
ใช้หัวใจฟุ่มเฟือย เพื่อตามหารักแท้. . .

รักแท้. . . แต่ยากที่จะครอบครอง
เพราะบางครั้ง. . . อาจจะเป็นรักต้องห้าม
ระหว่างพี่น้อง ระหว่างคำว่า. . . เพื่อนสนิท
ระหว่างคำว่า. . . คนที่มีเจ้าของแล้ว
หรือ ระหว่างคำว่า . . . ไม่เหมาะสม


มันยาก. . . ที่คุณจะดูแลมันตลอดเวลา
เมื่อไหร่ที่คุณรัก คุณอยากครอบครอง. . . แต่เป็นไปไม่ได้
ก็คิดเสียเถิดว่า . . . ยังดีกว่าไม่ได้รัก

ແອບຣັກ

http://4inibg.blu.livefilestore.com/y1pSj7rTZlADYmxYHWJmeJD25mooX-sgQIiJsOERnV5antfS9EK77X9BgI7Fhsha93Cu4Mx81ODht4EuzQx_WcnoXbsCQdKNOqa/451435-topic-0.jpg?psid=1


ฉันชอบความรู้สึกของการได้ "แอบรัก" ใครซักคน
หนึ่งชีวิตของคนเราถ้าได้รู้สึกถึง... "ความรักแบบไม่ครอบครอง" บ้าง

ก็คงจะดีไม่น้อย โลกคงไม่วุ่นวายไม่ยื้อแย่งไม่ครอบครอง

และความรักก็คงจะไม่ "เห็นแก่ตัว" อย่างที่ดำเนินอยู่

ขึ้นชื่อว่า "แอบรัก" แล้วล่ะก็...

ฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่อาการที่ต้องการจะเปิดเผยตัวไม่อยากให้ใครได้รู้ได้เห็น

ความสุขเกิดขึ้นได้ในมุมเงียบๆและปราศจากการครอบครอง

ความรักแบบเงียบกริบสอนให้คนปล่อยวาง และหัวใจอ่อนโยน

ไม่ปรารถนาอะไรมากไปกว่าการได้รัก

และมากที่สุดก็คงจะเป็นแค่ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า

..."รัก"…

เท่านั้นเองที่ความรักต้องการ...

คงเหมือนกับไม่ขีดไฟแอบหลงรักดอกทานตะวัน

สุดท้ายมันก็ต้องการแค่เพียงแค่ให้ดอกทานตะวันหันมองแสงอันน้อยนิดของมัน...

แม้จะเป็นแสงสุดท้ายที่ถูกจุดขึ้นเพื่อดับลงตลอดกาลก็ตาม


เชื่อไหม???...

ฉันเคยรู้จักคนๆนึงที่แอบรักใครอีกคนได้นานเป็นปีๆ

โดยไม่เคยแสดงตัวต่อความรักของเขา

หญิงสาวใช้โทรศัพท์เป็นสื่อแสดงความรู้สึกตลอดมา

ทุกคืน...เธอจะยกหูโทรหาเขา แม้บางครั้งด้วยคำพูดสั้นๆแค่ว่า

"นอนหลับฝันดี" เท่านั้นก็ตาม

ชายหนุ่มไม่เคยเห็นหน้าเธอ

ทั้งที่ความเป็นจริงนั้นเธออยู่รอบตัวเค้าตลอดเวลา

...เธอเคยเดินผ่านเขาใกล้กันแค่เอื้อมมือคว้า

แต่เขาไม่รู้จักเธอ...

...เธอเคยสบตาเขาแต่เขาไม่เห็นแววตาเธอ...

...เธอเคยยืนตรงหน้าเขาแล้ว(แอบ)ฟังเขาพูดคุยกับเพื่อนของเขา

แต่เค้าไม่ได้พูดกับเธอ...

ทั้งหมดเป็นความสุขของหญิงสาว...

"สุขที่ได้เห็นเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นจะต้องเห็นเธอ"

การติดต่อของเค้าและเธอสิ้นสุดลง

ในวันที่ชายหนุ่มมีคนรักที่แสดงตัวอย่างชัดเจน

เค้าเลือกที่จะรักคนอื่นเพราะในความคิดของเค้า

...หญิงสาวไม่มีตัวตน...

หญิงสาวห่างออกมาไม่อนุญาตให้ตัวเองเข้าใกล้เค้าอีก

เธอคำนึงถึงความถูกต้องและ...ทุกอย่างย่อมมีเจ้าของเมื่อถึงเวลา

...ความรักของเธอบริสุทธิ์เกินกว่าจะทำร้ายใคร...

ในเมื่อชายหนุ่มเลือกที่ปักดอกไม้อื่นลงบนแจกันของเค้า

ต่อให้เธอสวยงามกว่าดอกไม้ดอกนั้นเพียงใดเธอก็ไม่อาจแสดงตัวได้...

แต่เธออนุญาตหัวใจให้รักเค้าได้เท่าเดิมและคงจะไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้

เพราะ "รักแท้" สอนให้เธอมีความสุขได้

แม้ "ไม่ได้เป็นเจ้าของ" หรือ "ถูกครอบครอง"

และ "รักแท้" นี่เองที่จะทำให้ดอกไม้อย่างเธอไม่มีวันแห้งเหี่ยว

"แม้ว่าเธอจะเป็นดอกไม้ไร้ชื่อ...

ที่ไร้แจกันตลอดไป...ก็ตาม"

ຕະກຽງແລະແສງຈັນ





ฉันอาจเป็นเพียงตะเกียงดวงหนึ่ง ที่มีแสงเพียงน้อยนิด
อาจจะไม่จำเป็นเลยในบางช่วง
บางขณะที่พระจันทร์ทอแสงนวลกระจ่าง
เธออาจจะทิ้งฉันไว้ข้างทางก้อเป็นได้
หากเธอคิดว่าฉันไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
ฉันจึงเปรียบตะเกียง เป็นดั่ง ตัวฉัน...
ส่วนเธอน่ะ เป็น นักเดินทางคนนึง...
ส่วนเค้าคนนั้น เป็น พระจันทร์....
นักเดินทางคนหนึ่งกับตะเกียงดวงเก่า
ตะเกียงที่ให้แสงสว่างในค่ำคืนที่มืดมิด
ตะเกียงที่ให้ความอบอุ่นได้ เมื่อนักเดินทางผู้นั้นต้องการ
ในค่ำคืนที่สายลมหนาวได้ผ่านพัดมาอีกครา
การเดินทางของนักเดินทางผู้นั้นก้อมี ตะเกียงเป็นเพื่อนคู่ชีพ
แสงเพียงน้อยนิดที่พอจะส่องทางได้เป็นระยะๆ
ทำให้นักเดินทางผู้นั้นเริ่มไม่พอใจในสิ่งที่เค้ามีอยู่
เมื่อเค้ามีเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมทางก็ได้กล่าวว่า
"จะใช้ตะเกียงดวงเก่านี้ไปทำไม ในเมื่อแสงจากพระจันทร์ออกจะสว่างถึงเพียงนี้"
นักเดินทางผู้นั้นคิดได้ จึงทิ้งตะเกียงผู้น่าสงสารไว้ข้างทาง
หลงเชื่อคำกล่าวของเพื่อนร่วมทาง
ซึ่งเป็นเพียงแค่คนที่ผ่านมาแล้วก้อผ่านไป
ค่ำคืนนั้น เป็นคำคืนที่ยาวนานสำหรับฉัน...
...ตะเกียงผู้ถูกทอดทิ้งไว้ข้างทาง
ก้อเค้าไม่สนใจแม้แต่น้อย
กลับกัน เธอนักเดินทางที่กำลังหลงระเริง กับแสงจากพระจันทร์
ที่ส่องแสงนวลกระจ่าง มันสวยงาม มันชวนฝัน
นักเดินทางผู้นั้นจึงเดินทางไปเรื่อยๆ เพียงลำพัง
แค่สัมภาระ ไร้ตะเกียงดวงเก่า!
เมื่อความมืดมิดแห่งค่ำคืนได้ผ่านพ้นไป
แสงจันทร์ที่เคยกระจ่างยามค่ำคืนก้อเลือนหาย
ดวงตะวันได้โผล่ขึ้นมารับอรุณบอกกับทุกคนที่อยู่ใต้ผืนฟ้าว่านี่คือ เช้าวันใหม่ ..............
สายลมหนาว ผ่านพัดมาเยือนอีกครา
ผ่านพัด เป็นลมหนาวที่เย็นยะเยือก
ตะเกียงดวงเก่าที่ถูกทอดทิ้ง

บัดนี้ นักเดินทางอีกคนได้ผ่านมาพบจึงเก็บไว้เป็นสมบัติตน
ตะเกียงจึงกลับกลายเป็น ของมีค่าอีกครั้ง
มันได้ทำหน้าที่เช่นเดิม คือ ให้แสงสว่าง และความอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน
เมื่อตะวันลับฟ้าไปแล้ว ลำแสงสุดท้ายของวันเป็นสีส้ม เป็นแสงสว่างสุดท้ายของวันนี้
ค่ำคืนได้ย่างกรายเข้ามา สายลมหนาวก้อเริ่มพัดแรงขึ้นๆ
ดวงจันทร์ที่เคยทอแสงกระจ่างกลับถูกหมอกเมฆบดบังจนสิ้น!
ราวกับจะกลั่นแกล้งนักเดินทางคนเก่าที่เคยเป็นเจ้าของตะเกียง
เค้าผู้นั้นไม่มีแม้แต่แสงไฟที่จะใช้ส่องทาง และเช่นกัน
เค้าไม่มีแม้กระทั่งความอบอุ่น
นักเดินทางหนาวสั่นจะเดินต่อก็กลัวหลงทาง
เค้าจึงย้อนกลับไปเอาตะเกียงดวงเก่าที่ได้ทิ้งไว้เมื่อคืนก่อน


... ลมหนาวได้ผ่านพัดมา ราวกับจะทรมานนักเดินทางผู้นั้น
จนกระทั่งมาถึงจุดที่เขา ได้ทิ้งตะเกียงไว้
บัดนี้ตะเกียงดวงเก่าได้ สาปสูญไปแล้ว
เค้านึกเสียดายจับใจ แม้จะเรียกร้องเพียงใดก้อมิได้กลับคืน
จึงทำได้แต่เพียงนอนหนาว รอให้เมฆหมอกที่บดบังดวงจันทร์นั้นได้ผ่านเลยไป
เวลาได้ผ่าน...
เมฆหมอกได้เลือนหายไปแล้ว
แสงจันทร์ได้กลับมาสดใสอีกครา
ทำให้นักเดินทาง ผู้เหน็บหนาวอุ่นใจขึ้น
แต่ดวงจันทร์ก้ออยู่ไกลเกินไป.......
ไกลเกินที่จะทำให้นักเดินทางผู้เหน็บหนาวได้รับความอบอุ่น
เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า
"เรามักจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เราครอบครองนั้นดีเพียงไรมีคุณค่ากับเราเพียงใด
เราจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว"
เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากให้ผู้ที่ใฝ่สูงทั้งหลายจงหันกลับมามองคนใกล้ตัว
การชะเง้อมันเมื่อยกว่าการก้ม จริงไหม?

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ສວນລືກຂອງເຣົາໃຈ


    http://2.3qdc.com/sakid/2009/07/10/sakid_love_0.out.jpg

ส่วนลึกของหัวใจฉันยังมีเธออยู่กับฉันทุกช่วงเวลา
    ไม่ว่าทุกข์  สุข  หรือเหงา  เธอยังอยู่กับฉันเสมอ
    ถึงแม้ว่ามันเป็นแค่  “ความรู้สึกที่ฉันมี”
    แต่ฉันก็ยังภูมิใจที่ฉันยังสามารถเก็บความรู้สึก ๆ ดี ๆ
    ที่เธอเคยให้ไว้กับฉัน ฉันยังจำวันแห่งความสุขของเราได้
    ถึงแม้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่สั้น ๆ แต่ฉันจะขอจดจำมันไปตลอด
    ถึงแม้ว่าคนข้าง ๆ ฉันตอนนี้มันไม่ใช่เธอ…
    แต่ฉันก็จะยังคงขอเก็บเธอไว้ในส่วนลึกของหัวใจของฉัน
    ฉันอาจจะเคยเสียใจ  ร้องไห้  ทรมาน  เหงา…
    เวลาที่เธอจากไป….
    แต่ฉันจะลบสิ่งเหล่านั้นออกไป..
    ฉันจะเก็บ  “ความสุข”  ไว้กับฉันตลอดไป
    เรามีสิทธิ์เลือกที่จะเก็บความรู้สึกดี ๆ และเลือกที่จะลบ
    ความทรงจำที่ไม่ดีออกไปได้
    และฉันจะเก็บสิ่งดี ๆ ให้อยู่กับฉันไปตราบนาน

แม้ว่าวันนี้ หรือวันต่อไป ไม่มีเขาอยู่ข้างกายแล้ว อย่างน้อย ก็ขอให้จดจำวัน-ช่วงเวลาดีๆ เอาไว้นะคะ ^-^

ບົດສົນທະນາຂອງຫົວໃຈ

ບົບຄວາມ

http://gossipstar.mthai.com/media/upload/tv/2_71.jpg


ในเลาที่เราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สับสนวุ่นวาย เราอาจมองข้ามเสียงเล็ก ๆ
บางเสียงไป แต่ในเวลาที่เราอยู่เงียบ ๆ เราอาจได้ยินเสียงนั้นดังอยู่ในใจ
เราก็ได้
เสียงเบา ๆ ของหัวใจ
เสียงหัวใจกำลังพูดคุย กำลังบอกผ่านความรู้สึกออกมา

...
"ทำไมผู้ชายถึงไม่เข้าใจบ้าง แค่บอกคำว่ารักคำเดียว เขาจะถึงกับจะเป็นจะตาย
เลยหรือ ..."
"ทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบให้บอกคำว่ารักกันนักนะ แค่คำพูดคำเดียว มันจำเป็น
ด้วยเหรอ ...

============================================

"เธอจะรู้มั๊ยนะ ว่าการเดินจูงมือกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง
อย่างบอกไม่ถูก ... เธอปล่อยมือฉัน เธอไม่รักฉันแล้วเหรอ ..."
"เดินจูงมือเหรอ เดินก็เดิน จะเดินปล่อยมือจูงมือ มันก็เหมือนกันแหละ อย่า
คิดมากเลย ..."

============================================

"เวลาอยู่กับเพื่อน ๆ เธอ หรือเพื่อน ๆ ฉัน ฉันก็อยากบอกกับพวกเขาว่า เธอ
เป็นคนรักของฉัน เป็นคนที่ฉันรักนะ ..."
"ที่ผมทำห่างเหินเวลาเราเจอเพื่อน ๆ ก็เพราะผมวางตัวไม่ถูก ผมไม่รู้ว่า ผม
ควรแสดงความเป็นเจ้าของเกินไป หรือควรจะให้คุณอยู่ห่าง ๆ ดี ..."

============================================

"เธออยากเห็นฉันร้องไห้เหรอ ..."
"ฉันไม่ชอบความขี้แยของเธอ ..."
"ที่ฉันร้อง เพราะฉันอยากให้เธอสนใจ อยากให้เธอช่วยปลอบใจฉัน"
"ที่เธอร้อง ผมว่าบางทีมันน่ารำคาญนะ"

============================================

"รักฉันมั๊ย"
"แค่คำว่ารักเหรอ บอกส่งเดชไปก็ได้"

============================================

"ที่โทรมา ก็เพราะเป็นห่วงนะ เธอจะเป็นอะไรหรือเปล่า ห่วงไปหมด"
"โอ๊ย โทรมาอยู่ได้ ก็ไม่เป็นอะไรไง ฉันแข็งแรง ไม่ต้องห่วง"

============================================

"ไม่รู้เลยเหรอว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ"
"อ้าว เธอไม่บอก แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง"

============================================

"อย่าปล่อยฉันอยู่คนเดียว ..."
"ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก ..."

===========================================

"ไม่ต้องพูดอะไรได้มั๊ย ฟังฉันก็พอ ..."
"ฉันก็แค่ อยากให้ข้อคิดกับเธอ ไม่ได้ตั้งใจจะขัดคอเธอนะ เข้าใจกันบ้างสิ"
"ฉันอยากมีใครสักคนที่รับฟัง ..."
"ฉันอยากให้เธอเลิกบ่นได้แล้วล่ะ"
===========================================

"ฉันแค่อยากมีใครสักคนที่เข้าใจฉัน ..."
"คุณเข้าใจผมบ้างหรือเปล่า ..."

===========================================

"ทำเพื่อฉันหน่อยไม่ได้หรือ ..."
"ขอร้องว่า อย่าให้ผมฝืนทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำเลย ..."

===========================================

"ฉันเป็นฝ่ายเข้าหาเธอฝ่ายเดียวเลย เธอช่วยปรับมาหาฉันบ้างได้ไหม ..."
"ผมทำได้เท่านี้แหละ เท่านี้จริง ๆ ขอโทษด้วยนะ ..."

===========================================

"เล่าให้ฉันฟังได้มั๊ย เธอเริ่มชอบฉันยังไง"
"โอ๊ย ไม่เอา อย่าถามมากน่า ตอนนี้รักก็พอแล้ว"

===========================================

"ขอโทษที่ฉันต้องโกหกเธอ ..."
"การถูกโกหกจากคนที่ผมรัก มันเจ็บมากแค่ไหนคุณรู้ไหม ..."

===========================================

"จำได้ไหมวันนี้วันอะไร ..."
"วันนี้เหรอ ขอนั่งนึกดูก่อนนะ เดี๋ยวไปทำงานแล้วอาจนึกออก ..."

===========================================

"ทำไมเธอไม่ปรับเข้ามาหาฉันเลยล่ะ ฉันปรับหาเธอฝ่ายเดียวจนทนไม่ไหวแล้ว"
"ผมก็เป็นแบบนี้แหละ รับได้มั๊ยล่ะ"

===========================================

"เธอไม่เป็นห่วงฉันเลย"
"ผมรู้ว่าคุณเก่ง คุณไม่เป็นอะไรหรอก"

===========================================

"เธอให้ความรักกับฉัน มากขึ้น ๆ อย่าให้มันน้อยลงนะ"
"ผมให้ความรักกับคุณมากพอแล้ว ผมคงต้องผ่อน ๆ ลงหน่อยแล้วล่ะ ผมไม่สามารถ
ให้ได้มากขนาดนี้ตลอด"

===========================================

"เธอทำแบบนี้ฉันเสียใจนะ"
"คุณทำให้ผมต้องทำแบบนี้เองนี่"

===========================================

"ฉันไม่ได้อยากแสดงความเป็นเจ้าของหรอกนะ แต่ฉันมีผู้ชายที่ฉันรักอยู่คน
เดียว เข้าใจฉันไหม ..."
"เธอกำลังทำให้ฉันอึดอัดนะ เข้าใจไหม ..."

======================================

"เธอรักฉันอยู่หรือเปล่า"
"คำพูดไม่สำคัญเท่าความรู้สึกหรอก"

======================================

"สนใจฉันหน่อย"
"ผมเพิ่งทำกลับมาเหนื่อย ๆ นะ ขอเวลาพักหน่อยสิ"

======================================

"นี่เรามากันได้แค่นี้จริง ๆ หรือ"
"ผมทำได้แค่นี้แหละ คุณอยากไปก็ไปนะ"

======================================

"ฉันไม่อยากเสียใจบ่อย ๆ อย่างนี้อีกแล้ว สู้ไม่ต้องเสียใจกันอีกเลยดีกว่า
..."
"แม้ว่าผมจะต้องเสียใจบ่อย ๆ แต่อย่างน้อย ก็ยังบอกใครได้ว่า ผมมีแฟน ..."

======================================

"เธอเพียงแค่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่า เธอมีคนรักเท่านั้นหรือ ..."
"เอ่อ ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนผมครับ ..."

======================================

"ความอดทนของผู้หญิง ก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ ..."
"ผมรู้ว่าคุณไม่ยอมไปจากผมหรอก เดี๋ยวมันก็ดีเองแหละ อย่าคิดมาก"

======================================

แม้ว่าหัวใจใครต่อใคร จะเจ็บปวดรวดร้าว จะหนาวเหน็บแค่ไหน แต่หัวใจทุกดวง
ก็ยังหวังว่า จะได้พูดคำล้ำค่าคำหนึ่ง
คำสั้น ๆ เก่า ๆ ว่า

"ฉันรักเธอ"

ໝຶ່ງຄຳມາຈາກຄວາມຣູ້ສືກ




หนึ่งคำ.....มาจากความรู้สึกทั้งหมดที่มี...
อีกหนึ่งคำ....มาจากความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ...

" รัก "

คำนี้จะมากด้วยความหมาย...
...ถ้าออกมาจาก "หัวใจ" ...จริงๆ..

เอ่ยคำๆนี้ ให้คนของใจ มากแค่ไหนกัน?
บางคนเก็บไว้.....ทั้งๆที่อีกฝ่ายต้องการที่จะได้ยิน...
บางคนบอกบ่อยเกินไป...จนอีกฝ่ายรู้สึกว่า ง่ายเกิน

บอกรักแค่ไหนกัน ถึงจะพอดี...
คิดว่า.....คงต้องดู"คนของใจ"เป็นสำคัญ
ความใส่ใจในตัวเขาทั้งการกระทำและความรู้สึก...
....จะทำให้เรารู้จักเขาเป็นอย่างดี...
และก็จะรู้ว่าเราควรจะบอกรักได้บ่อยมากแค่ไหน ?

บางทีความใส่ใจเล็กๆน้อยๆ..ที่หลายคนมองข้ามไป
อาจกลายเป็นส่วนที่ทำให้เขาประทับใจในตัวเรา
...แบบไม่มีวันลืมก็ได้...

" ขอโทษ "

คำนี้เป็นคำที่สามารถสานสายสัมพันธ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์
ไม่เข้าใจกัน....ขอโทษเพื่อปรับความเข้าใจกัน...
เข้าใจผิดกัน...ขอโทษพร้อมอธิบาย...ไม่ใช่คำแก้ตัว

เช่นกันกับคำว่ารัก..ถ้าออกมาจาก"หัวใจ"จริงๆ
ถ้าไม่บอกบ่อยครั้ง....จนเกินความพอดี กลายเป็นความผิดซ้ำๆ
ถ้าไม่เคยเอ่ยออกมาเลย.....เพราะทิฐิที่มีต่อกัน

...ฉันรู้แต่ว่า.....ถ้าฉันทำให้เขาโกรธ...
...ฉันจะขอโทษ.....และอธิบายให้เข้าใจ
...ฉันจะพูดเพื่อความเข้าใจกัน....
....ฉันจะพูดเพื่อความรักของเรา....

กว่าจะคบกันมาได้นานและรักกันได้
ถ้าต้องจบลงเพราะเรื่องเดิมๆ แต่ละเลยที่จะปรับความเข้าใจกัน
คงต้องถามตัวเองแล้วว่า
นี่เราไม่ได้รักเขาหรือ...เราไม่ได้ใส่ใจความรักของเราเหรอ
เพียงแต่พูดคำว่า"ขอโทษ"พร้อมกับ"คำอธิบาย"ไม่กี่ประโยค
ทำไม่ได้เหรอไง ??

ความผิดที่มากมาย..และเราก็รู้สึกผิดมากเช่นกันนั้น
บางครั้งก็สามารถแก้ได้ด้วยคำว่า"ขอโทษ"เพียงคำเดียว

หากเอ่ยคำว่า"ขอโทษ" แล้วได้รับโอกาสแก้ไขความผิด!!
ลงมือแก้ไขซะนับตั้งแต่วินาทีนั้น .. ก่อนที่มันจะสายเกินไป !!

จนคำว่า "ขอโทษ" มันไม่มีความหมาย และไม่ได้รับ "การให้อภัย" อีกเลย...

ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วว่า...

จะใช้คำว่า "รัก" และ "ขอโทษ"
ให้ "มากค่า" แค่ไหน... ระหว่างใจ 2 ใจ ...
ให้บ่อยครั้งมากแค่ไหน...ในช่วงเวลาที่คบกัน
แต่เชื่อเถอะว่า...คำ 2 คำ นี้....
...ให้ผลทางบวกระหว่างคน 2 คน ได้เป็นอย่างดี..

ຄວາມຣັກ

http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/374/25374/images/hi.jpg


คำว่า "รัก" มีอะไรมากมายซุกซ่อนอยู่ในนั้น
อาจจะหวานชื่น ขมขื่น หรืออะไรอื่นอีกหลากหลาย
ที่จะทำให้คนรู้จัก "รัก" ได้สัมผัสและรู้สึกถึง…

ความรักเริ่มจากความคิด
เพราะความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของความรัก
บางที.. ความรักอาจทำให้คนเราเปลี่ยนแปลงความคิดไปจากเดิม
อาจทำให้คนเราต้องปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อให้เข้ากับใครอีกคน

ความรักทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา
คุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าไม่รู้สึกเชื่อมั่นเสียก่อน
และคนแรกที่คุณต้องศรัทธาเชื่อมั่น ก็คือตัวเอง

ความรักคือการให้
ถ้าคุณต้องการที่จะได้ความรัก สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการให้ ยิ่งให้.. คุณก็จะยิ่งได้รับ
สูตรลับของความสุข และทำให้มิตรภาพยืนยาวที่คุณควรจะจำเอาไว้เสมอก็คือ
อย่าถามว่าคนอื่นให้อะไรคุณบ้าง แต่ให้ถามว่าคุณทำอะไรให้คนอื่นบ้างจะดีกว่า

ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่
อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ให้ได้เสียก่อน
การจะรักกันได้ไม่ใช่แค่มองตา แต่อยู่ที่ว่า.. ต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันหรือเปล่า
หากจะรักใครอย่างจริงใจ คุณควรจะรักในสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่แค่ภาพที่คุณเห็น มิตรภาพก็เหมือนกับปุ๋ยที่ช่วยทำให้ความรักเบ่งบานเติบโตทุกๆ วันนั่นเอง

การสัมผัส ช่วยสานต่อความรักให้ดีขึ้น
เคยรู้สึกดีใช่มั้ยเวลาที่มีใครโอบไหล่หรือกอดคุณ?
การสัมผัส.. จึงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่มีพลัง
และช่วยทลายกำแพงแห่งความชิงชังไม่เข้าใจได้อีกด้วย
น่าแปลกที่การสัมผัสสามารถเปลี่ยนแปลงอารมณ์ และท่าทีที่แข็งกร้าวให้เบาบางลงได้

อยากรักต้องรู้จักปลดปล่อย
ถ้าคุณรักใคร.. จงปล่อยให้เขาเป็นอิสระบ้าง
เพราะคุณเองคงรู้สึกอึดอัด ถ้ามีใครมาล่ามโซ่คุณ ดังนั้น..
จงเรียนรู้ที่จะให้อภัยและลืมอดีตที่ไม่ดี เรียนรู้ที่จะปลดปล่อยความกลัวภายในใจ
เรียนรู้ที่จะยุติธรรม และลดทิฐิ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ ลงบ้าง
ลองบอกตัวเองว่า.. นับแต่นี้ คุณจะทิ้งความกลัวทั้งหมด
แล้วอดีตจะไม่มีผลอะไรต่อตัวคุณได้.. นับจากวันนี้ไป คุณก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที

ชีวิตจะเปลี่ยนไป
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้างและซื่อสัตย์ต่อกัน รวมถึง..
คุยกับคนรักอย่างเปิดเผย และกล้าที่จะพูดถ้อยคำวิเศษว่า "ฉันรักเธอ"
โดยไม่ปล่อยให้โอกาสดีๆ หลุดลอยไป
คุณควรจะบอกรักก่อนจากกันทุกครั้งเสมอ เพราะบางที..
นั่นอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะพบกัน!

แก่นแท้ของความรัก คือการไว้ใจกัน
ถ้าคุณไม่เชื่อใจกัน ใครคนหนึ่งจะรู้สึกระแวง กังวล และหวาดหวั่น
ขณะที่อีกคนรู้สึกอึดอัดใจ ที่สำคัญ..
คุณไม่อาจรักใครจริงๆ ได้ ถ้าคุณไม่ไว้ใจเขาคนนั้นอย่างแท้จริง

ບັນທືກການເຣັດບລ໌ອກ

  • ຂ້າພະເຈົ້າຈະມາເລຼົ່າເຖີງການເຣັດເວັບບອກຂອງຂ້າພະເຈົ້າວ່າເປັນມາແນວໃດ
  • ຍັງບໍທັນຂຽນເດີ່

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ເເນະນຳຕົວ

  • ສບາຍດີທຸກທ່ານກ່ອນອື່ນຂ້າພະເຈົ້າກາຂໍແນະນຳຕົວເລີຍເນາະຂ້າພະເຈົ້າມີຊື່ວ່າ ທ້າວ ສອນເພັດ ເຣືອງທະວົງ ຫຼື ວ່າ ໝີງ ນາມແຝງແມ່ນ ເດັກລາວ (  Super (S) )  ນີແມ່ນນາມແຝງຂອງຂ້າພະເຈົ້າທີ່ໃຊ້ຍູ່ໃນໂລກອີນເນັດນັ້ນເອງ ຊັນເອົາປັນວ່າ......
  • ເຣົາມາເຂົ້າເລື່ອງຕໍເລີຍເນາະບຸກີພາທ່ານໄປທ່ອງໂລກອີນເຕີເນັດນ້ອຍໜື່ງເນາະ ຫ໌ະຯ ກັບມາກັບມາຯ ມາແລ້ວເນາະຊັນຕໍເລີຍ ອິ ອິ !.
  • ຂ້າພະເຈ້າເກີດທີ່ບ້ານ ໂພສີ ເມືອງ ປາກຊັນ ແຂວງ ບໍລິຄໍາໄຊ ປັດຈຸບັນຣຽນຍູ່ທີ່ ໂຣງຣຽນ ມໍ ປາຍ ປາຍຊັນ ຊັ້ນ ມໍ 6 ໂອ ບໍແມ່ນເນາະມໍ 7 ແລ້ວ ຖ້າໄດ້ຂີ້ນໃດ່ ອິ ອິ !...
  • ເວລາວ່າງແມ່ນນອນຢູ່ໜ້າ Computer ສີ່ງທີ່ມັກແມ່ນມັກທຸກຢ່າງທີ່ກຽວກັບ Computer ຖືສະວ່າແມ່ນຜູ້ໝຶ່ງແລະທີ່ສົນໃຈໃນດ້ານນີ້...
  • ອາຫານທີ່ມັກແມ່ນໂອອັນນິມັກທຸກຢ່າງແລະທີ່ກີນໄດ້ ສ່ອນສັດທີມັກແມ່ນ ໝາ ແລະສີທີມັກກໍຄື ສີ ດໍາ ສີແດງ ແລະ ສີຂາວ...
  • ນິດໃສເປັນຄົນມັກສະຫງົບມັກຢູ່ຄົນດຽນບໍມັກຢູ່ເປັນກຸ້ມນິດໃສເປັນຄົນມັກສະຫງົບມັກຢູ່ຄົນດຽນບໍມັກຢູ່ເປັນກຸ້ມແຕ່ງວ່າເຂົ້າກັບຄົນໄດ້ງ່າຍບໍຖືຕົວ ເປັນຄົນຕາລົກໃນບາງຄັ້ງຄາວ....
  • ຄວາມສົນໃຈແມ່ນສົນໃຈໃນດ້ານເວັບໄຊ໌ ເວັບບ໌ລອກ ແລະ IT....ອື່ນຯ.....
  • ຄຳປະຈຳໃຈແມ່ນ:ກາລະເວລາ..ອາດປ່ຽນແຕ່ໃຈຂ້ອຍບໍ່ປ່ຽນ.......